วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2558

พาเที่ยวพม่า - วันที่สาม พระนอนตาหวาน เจดีย์โบตะทาวน์ เทพทันใจ วัดบารมี วัดพระเขี้ยวแก้ว

พระพุทธไสยาสน์เจ๊าทัตจี (Chaukhtatgyi) 



หรือวัดพระนอนตาหวาน องค์พระยาง 67 ฟุต สูง 18 ฟุต แตกต่างจากพระนอนที่เมืองพะโค ตรงที่ วัดพระนอนตาหวานนี้ จะใช้พระหัตถ์รองพระเศียร แทนที่จะหนุนด้วยหีบสมบัติ ศิลปะการออกแบบด้วยศิลปะมอญ มีชื่อเสียงที่ดวงตา ถือเป็นพระที่มีดวงตาสวยงามที่สุด สวยงามขนาดไหนลองพิจารณากันดูครับ ที่พระบาทมีภาพมงคล 108 ประการ ที่วัดแห่งนี้ นิยมบูชาดอกไม้ธูปเทียน และ บูชาพระประจำวันเกิด ที่อยู่ด้านหลังองค์พระ ชมความงามของพระพุทธรูปงานไม้หอมแกะสลักที่งดงาม










ที่วัดแห่งนี้ มีสินค้าพื้นเมืองจำหน่าย แต่ราคาต่อรองได้ไม่มากนัก ไม่เหมือนที่หงสาวดี ห้องน้ำสะอาด แต่ต้องเดินไกลนิดนึงนะครับ

เจดีย์โบตะทาวน์ (Botatauang paya)


โบตะทาวน์ แปลว่าทหาร 1000 นาย ตามตำนานเล่าขานว่า เมื่อราว 2000 ปีก่อน พระเจ้าโอกะลาปะ กษัตริย์มอญทรงบัญชาให้นายทหารระดับแม่ทัพตั้งแถวถวายสักการะแด่พระเกศาธาตุ ที่นายวาณิชสองพี่น้องอัญเชิญมาทางเรือและมาขึ้นฝั่งเมืองตะเกิงหรือดากอง ณ บริเวณนี้ จึงสร้างเจดีย์โบตะทาวน์ไว้เป็นที่ระลึก ในเจดีย์ บรรจุพระเกศาธาตุไว้ 1 เส้น ผนังด้านในของเจดีย์ปิดทองคำเปลวทั้งหมด ทำให้ดูสว่างไสว นอกจากนี้ยังได้บรรจุ พระพุทธรูป ทองคำ ทองสัมฤทธิ์ และวัตถุโบราณไว้มากมาย





ด้านนอกฝั่งตรงข้ามเจดีย์ เป็นวิหารเทพกระซิบ นักท่องเที่ยวนิยมเข้าไปบูชากระซิบขอพร



วิหารด้านขวาขององค์เจดีย์ เป็นพระพุทธรูปทองคำ ปางมารวิชัย ที่มีลักษณะงดงาม ตามประวัติว่าเคยประดิษฐานที่พระราชวังมัณฑะเลย์ แต่เมื่อพม่าตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ได้ถูกย้ายไปแสดงอินเดียทำให้รอดพ้นจากระเบิดของฝ่ายพันธมิตรที่ถล่มพระราชวังฯ ต่อมาได้ย้ายไปแสดงที่พิพิธภัณฑ์วิกตอเรียและ แอลเบร์ด และได้ขอคืนมาเมื่อได้รับเอกราช



วิหารด้านซ้ายเป็นรูปปั้น นัตโบโบยี หรือ เทพทันใจ ซึ่งชาวพม่า รวมถึงชาวไทย นิยมไปสักการะบูชา ด้วยความเชื่อที่ว่าอธิษฐานสิ่งใดแล้วจะสมปรารถนาทันใจ



วัดบารมี 

เป็นวัดสมัยใหม่ โครงสร้างเหมือนอาคารพาณิชย์ แบ่งการจัดแสดงพระธาตุเป็นชั้นๆ เป็นที่รวบรวมพระธาตุ และพระบรมสารีริกธาตุ จำนวนมาก





วัดพระเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic Temple)



พระเขี้ยวแก้วที่ประเทศพม่าได้มาจากศรีลังกาส่วนนอกคือเมืองโคลัมโบ (ภาษาบาลีเรียกว่า กุลุมพุนคเร)เวลานั้นกษัตริย์โคลัมโบ คือ พระเจ้าธรรมปาละ ได้มอบพระเขี้ยวแก้วพร้อมพระธิดาให้แก่ กษัตริย์พม่า ชื่อ บุเรงนอง ประดิษฐานในวังเมืองหงสาวดี ประเทศพม่า พ.ศ.๒๑๐๖ กษัตริย์บุเรงนองให้ทูตไปขอเจ้าหญิงลังกามาเป็นมเหสี พวกทูตมาขึ้นที่เมืองกุลุมพุนครเวลานั้นพระเจ้าธรรมปาละ ได้มอบพระทันตธาตุหุ้มด้วยทองคำบรรจุในพระเจดีย์ประดับพลอย ทูตก็อ้อนวอนขอดู อำมาตย์ก็ไม่ค่อยจะยอมนัก แต่เสียอ้อนวอนไม่ได้ก็พาไปดูในเวลากลางคืนทูตพม่าเห็นเข้าเลื่อมใสนัก รีบสวดมนต์เป็นการใหญ่ แล้วเจรจาขอแลกด้วยทองคำสิบหมื่น อำมาตย์จึงยอมตกลง ทูตพม่าจึงอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วแห่แหนมาทางทะเล

ครั้นถึงท่าเมืองหงสาวดี ก็เชิญพระเขี้ยวแก้วใส่มณฑปผูกแพล่องขึ้นมาตามลำน้ำ สองฝั่งแม่น้ำมีเสียงร้องสาธุการของพม่ารามัญ พระเจ้าบุเรงนองเองรีบเข้าที่สรงประพรมด้วยน้ำหอมแล้วแต่งพระองค์ใหม่ เสด็จลงมากราบและเชิญพระธาตุ แล้วอัญเชิญมณฑปพระทันตธาตุทูนใส่พระเศียร เสด็จดำเนินไปในกระบวนแห่สู่พระราชวัง โปรดให้สมโภชถึงสองเดือน แล้วสร้างพระวิหารประดิษฐานพระทันตธาตุบูชาไว้ในพระราชฐาน ปัจจุบันชาวพม่าไปสักการะไม่ขาดสาย








ปิดท้ายด้วยภาพมหาเจดีย์ชเวดากอง มองจากร้านอาหาร Golden Duck
ในสวนสาธารณะใกล้เจดีย์ชเวดากอง