พระนอนปางไสยาสน์ที่สวยงามที่สุดในพม่า องค์พระยาว 55 เมตร สูง 16 เมตร เอกลักษณ์เด่นอยู่ที่ปลายพระบาททั้งสอง วางเหลื่อมกัน ไม่เหมือนลักษณะของพระนอนของไทย ด้านหลังมีภาพสีเรื่องเล่าตำนานเกี่ยวกับพระองค์นี้ ส่วนที่รองเศียรพระ มีลักษณะคล้ายหีบสมบัติ การเข้าสักการะ ทางวัดจัดชุดดอกไม้ ธุปเทียนบูชาไว้บริการ สำหรับท่านที่ต้องการถ่ายภาพ สถานที่แห่งนี้คิดค่านำกล้องเข้าไปถ่ายภาพด้วยนะครับ ถ้าจำไม่ผิดจะ 300 จัต
ด้านล่างขององค์พระเป็นที่จำหน่ายสินค้าพื้นเมืองประเภท เครื่องไม้แกะสลัก ผ้าทอ เครื่องสาน หลากหลายรูปแบบ พระพุทธรูปไม้แกะสลักจากไม้จันทน์ ไม้หอม สวยงาม ราคาไม่แพง ราคาต่อรองได้ตามสมควร การเจรจาต่อรองด้วยภาษาไทย และยินดีรับเงินบาทไทย บรรยากาศคึกคัก
พระพุทธรูปไจ้ปุ่น (Kyaikpun Pagoda)
เป็นเจดีย์ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางประทับนั่ง 4 ทิศ ได้แก่ พระสมณโคดม สัมมาสัมพุทธเจ้า กับพระพุทธเจ้าในอดีตอีก 3 พระองค์ คือ พระพุทธเจ้าโกนาคมโน พระพุทธเจ้ากกุสันโธ และ พระพุทธเจ้ามหากัสสะปะ
ที่เจดีย์ไจ้ปุ้นนี้ รอบๆ บริเวณ จัดอาคารเป็นสถานที่พักของผู้ประสบภัยน้ำท่วม ห้องน้ำสำหรับบริการนักท่องเที่ยวไม่สะอาดนัก
พระมหาเจดีย์ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda)

คำว่า ชเว (Shwe) แปลว่า ทองคำ คำว่า ดากอง (Dagon) เป็นชื่อเมืองเก่าก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นย่างกุ้ง เจดีย์ชเวดากอง เป็นเจดีย์คู่บ้านคู่เมืองพม่า ตามตำนานกล่าวไว้ว่า เจดีย์ชเวดากอง เป็นพระธาตุประจำปีเกิด ปีมะเมีย ตั้งอยู่บนเนินเขาที่สูงที่สุดในเมืองย่างกุ้ง เป็นที่ประดิษฐาน พระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า สร้างขึ้นตั้งแต่ก่อนพระพุทธองค์ปรินิพพาน ด้านบนเจดีย์ประดับด้วยทองคำแท้ เพชร พลอยเม็ดใหญ่ บนยอดประดับด้วยทับทิมขนาดเท่าไข่ไก่ ภายในบริเวณเจดีย์ชเวดากอง จะมีจุดอธิษฐาน หลายจุด ที่นิยมกันคือ การบูชาพระประจำวันเกิด โดยจะเรียงรายอยู่รอบๆ เจดีย์ และ เจดีย์บริวารรอบๆ องค์ใหญ่ ทุกๆ 5 ปี จะมีการหุ้มเจดีย์ด้วยทองคำแท้ ผู้มีจิตศรัทธา สามารถบริจาคทองคำ เพื่อปิดองค์เจดีย์ได้ ทองคำ 1 บาทพม่า (ประมาณ 16 กรัม - มากกว่า 1 บาทไทย) ราคา 600,000 จัต นอกจากนี้ชาวพุทธผู้มาเยือน ยังนิยม เดินเวียนเทียนรอบองค์เจดีย์ (ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่)
จบทริปวันที่สอง ที่มหาเจดีย์ชเวดากอง บรรยากาศยามค่ำคืน